อดีตอาจารย์และเป็นเจ้าของรีสอร์ทดังในเชียงใหม่ ร้องสื่อถูกหมายล้มละลายติดผิดสถานที่ ทำให้หลายคนเข้าใจผิด ถูกยกเลิกการจัดงานในรีสอร์ทสูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท
27 ส.ค. 63 : ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางพรธิตา วงค์ปัน อายุ 63 ปี อดีตอาจารย์โรงเรียนสันกำแพง และเป็นเจ้าของสันกำแพงเลควิวรีสอร์ท ว่า ได้มีประกาศหมายศาลล้มละลายมาติดที่สำนักงานของรีสอร์ท ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก ทำให้ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการที่รีสอร์ท และหมู่บ้านสันกำแพงเลควิวรีสอร์ท ได้ยกเลิกสัญญา เพราะการเข้าใจ ทั้งที่หมายประกาศดังกล่าว ไม่ใช่ชื่อตน และไม่ใช่ชื่อของบริษัทของตน แล้วที่อยู่ก็ไม่ถูกต้อง แต่กระแสข่าวลือได้บอกว่าตนล้มละลาย เมื่อติดต่อไปเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ที่อยู่ในเอกสา ร ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างมาก
นางพรธิตา วงค์ปัน เปิดเผยว่า หมายคดีล้มละลายดังกล่าว ก่อนที่ตนจะทราบว่ามีหมายศาลมาติดที่ด้านหน้าสำนักงาน ก็มีเจ้าของบ้านที่ซื้อบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้บอกให้ตนทราบ มีชาวต่างชาติที่มาพักอาศัยก็เห็นหมายนี้มาติด แต่ไม่เข้าใจภาษาไทย เพียงแต่บอกว่ามีเอกสารที่มีเครื่องหมายตราครุฑมาติดไว้ ส่วนแม่บ้านและคนงานที่อยู่ที่นี่ก็อ่านหนังสือไม่ออก คิดว่าตนหรือสามีตนให้คนเอาเอกสารมาติดเพื่อประชาสัมพันธ์หรือแจ้งข่าวอะไรบางอย่างจึงไม่ได้สนใจ กระทั่งมีข่าวลือมากขึ้นว่าตนล้มละลาย หลายคนที่จะมาจัดงานประชุมสัมมนา จัดงานแต่งงานในรีสอร์ทแห่งนี้ พากันยกเลิกไป และตนก็ไม่ได้พักอาศัยภายในรีสอร์ทแห่งนี้ แต่อยู่ที่ ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ กระทั่งได้มีโอกาสกลับมาดูที่สำนักงาน เพื่อจะปรับปรุงรีสอร์ทต้อนรับนักท่องเที่ยว ก็มาพบเจอหมายศาลล้มละลายดังกล่าว
จากข้อมูลที่ปรากฎบนเอกสารได้ระบุชื่อ บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ตนและสามีคือ ดาบตำรวจ อภิรุณ วงค์ปัน อดีตข้าราชการตำรวจสันกำแแพง ก็ได้ตรวจสอบบุคคลที่ปรากฎบนหมายศาล ก็ไม่ใช่ครอบครัวของตน และตรวจสอบถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะคนที่มาซื้อบ้านพักอาศัยในหมู่บ้านสันกำแพงเลควิวรีสอร์ท ก็ไม่พบชื่อบุคคลนี้ และตนได้ติดต่อไปตามเบอร์โทร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ของกองบังคับคดีล้มละลาย 6 เพื่อแจ้งว่าได้ติดหมายผิดสถานที่ และไม่ใช่บริษัทฯ ที่ถูกระบุไว้ในหมาย เพราะบริษัทของตนชื่อ บริษัททรัพย์ดีแลนด์ จำกัด แต่กลับได้รับคำตอบว่า มีคนแจ้งชื่อและที่อยู่ว่าเป็นสถานที่แห่งนี้ จึงมีการนำหมายมาติด ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรแล้วเกิดความเครียดอย่างมาก เพราะการเข้าใจผิดทำให้ที่ผ่านมาจากผลกระทบการแพร่ระบาดช่วงไวรัสโควิด-19 ตนก็สูญเสียรายได้ไปกว่า 2 ล้านบาทแล้ว และมาเจอการเหตุการณ์เข้าใจผิด แล้วสังคมก็ตัดสินตนกับครอบครัวไปแล้วว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการกู้เงิน หาแหล่งเงินทุนมาต่อยอดการปรับปรุงรีสอร์ทได้ แล้วยังมีคนที่จะจัดงานแต่งงาน จัดการประชุมสัมมนา ยกเลิกไปแล้วกว่า 5 ราย ค่าใช้จ่ายในแต่ละงาน 3 – 5 แสนบาท ตนสูญเสียรายได้มากกว่า 1 ล้านบาทไปแล้ว ภายหลังที่ตนทราบเรื่องจนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าด้านการแก้ไขอะไร ตนจึงต้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าว และตนก็ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานถึงเรื่องนี้แล้ว
สำหรับการดำเนินการหลังจากนี้ก็จะปรึกษาทางทนายความว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพราะตนและครอบครัวได้รับผลกระทบ และความเสียหายทั้งทางด้านจิตใจที่ถูกสังคมตัดสินว่าเป็นคนล้มละลาย และยังกระทบต่อด้านธุรกิจที่ถูกยกเลิกงาน เหมือนเป็นการซ้ำเติมธุรกิจของตนอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ก็หนักพอแล้ว และยังไม่ฟื้นฟูก็มาเจอเหตุการณ์นี้อีก จึงอยากได้ความเป็นธรรมกับสังคมในเรื่องนี้ และอยากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนด้วย
เรื่องมาใหม่
- AIS ผนึก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์เปิด “มาตรการระเบิดสะพานโจร” บุกรวบจีนเทา พร้อมเครื่องส่ง SMS ปลอม
- เชียงราย จัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบกลไกเครือข่ายทีมสหวิชาชีพด้านเด็กและเยาวชน
- (คลิป) ตำรวจแม่จัน เชียงราย จับสึกพระเมาเหล้าขอปัจจัย
- เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน อนุโมทนา “ปิดเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยกองมู ( ลอยกระทงสวรรค์) ประจำปี 2567”
- “น้องโบว์ลิ่ง” คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดหนูน้อยนพมาศเมืองยวมใต้ ประจำปี 2567