สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เร่งแก้ปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ วางเป้ายึดทรัพย์ 6 พันล้านตัดตอนเครือข่ายยาทั่วประเทศ เตรียมเล็งแก้กฎหมายปราบปรามยาเสพติด แต่ติดปัญหาที่พรรคการเมืองบางส่วนเจอโควิด-19
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 เมษายน 2564 ที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมมอบนโยบายการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ (พ.ศ. 2562 – 2565) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. รองแม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา พร้อมด้วยคณะกรรมการปฏิบัตินโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.บส.ชน.) ผู้แทนหน่วยงานระดับพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก หม่อมราชวงศ์ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ บรรยายเรื่อง การแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ (พ.ศ. 2562-2565) ประจำปี 2564 การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ในปี พ.ศ. 2564 โดยมีผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 250 คน
สานักงาน ป.ป.ส. ได้ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ (พ.ศ. 2562 – 2565) ประจำปีงบประมาณ 2564 ตามกลไกการแก้ไขปัญหายาเสพติด 3 ระดับในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ ระดับ 1. ตั้งคณะกรรมการปฏิบัตินโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อดูแลเรื่องการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางในการดำเนินงานในภาพรวม ระดับ 2. ตั้งคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อประสานงานในระดับพื้นที่ ระดับ 3. ตั้งคณะทำงานศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดภาคเหนือ ช่วยบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า แนวทางการหยุดยั้งเรื่องยาเสพติดเป็นไปได้ยาก เพราะเราสู้กับสิ่งที่อยู่ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย โรงงานอยู่นอกประเทศ และมีโรงงานจำนวนมาก การผลิต้นทุนต่ำแต่ขายได้กำไรเป็น 100 เท่าของยาเสพติด รัฐบาลมีแนวทางเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเสริมแนวทางการปราบปรามยาเสพติดให้ได้ผลคือ การตัดวงจร ขยายผลด้วยการยึดทรัพย์ แต่ต้องดำเนินการแบบบูรณาการทั้ง มหาดไทย, กลาโหม, ยุติธรรม และสาธารณสุข ที่ต้องทำงานร่วมกัน หลังจากการยึดทรัพย์หรือจัดการกับผู้ค้ายาได้แล้ว ก็ต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้คน ซึ่งสมองและจิตใจที่ถูกทำร้ายต้องใช้เวลาในการรักษาถึง 5 ปี พร้อมกับใช้แนวทางหมู่บ้านเข้มแข็งปลอดยาเสพติด ให้ทุกคนสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน เพื่อป้องกันยาเสพติดและสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กและเยาวชน และการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ให้ความช่วยเหลือด้านอาชีพและพลิกฟื้นความเป็นอยู่ของประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการร้อยใจรักษ์ ให้เป็นแนวทางการพัฒนาทางเลือกในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
วันนี้การบูรณาการเป็นไปแล้ระดับหนึ่ง ซึ่งเป้าหมายยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดให้ได้ 6,000 ล้านบาท ทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นจังหวัดละ 50, 70 และ 90 ล้านบาท ตามลำดับ และที่ผ่านมา พื้นที่ภาคเหนือตอนบนสามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้เป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ ในวันนี้ส่วนของวิชาการก็ได้ออกมาเพื่อฝึกอบรมการใช้เครื่องมือ การใช้กฎหมาย ซึ่งกฎหมายบางส่วนยังอยู่ในระหว่างการปรับแก้ แต่ต้องผ่านทางรัฐบาล ซึ่งขณะนี้พรรคการเมืองบางพรรคเจอเรื่องโควิด-19 ทำให้การพิจารณาข้อกฎหมายต้องเลื่อนการพิจารณาออกไป
กระทรวงยุติธรรม และสำนักงาน ป.ป.ส. เน้นคุมเข้มชายแดนเพื่อลดปริมาณการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและสารเคมีทุกชนิด ที่จะเข้าหรือออกจากประเทศไทย รวมทั้งได้ยกระดับการบริหารจัดการบูรณาการหน่วยงานภาคีให้มีประสิทธิภาพแบบเบ็ดเสร็จ และยังคงมุ่งมั่นที่จะป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มแข็ง หากพบเบาะแสเรื่องยาเสพติด โทรสายด่วน 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง
เรื่องมาใหม่
- (คลิป) เชียงราย เพื่อไทยเปิดตัว ผู้สมัครชิงนายก อบจ. ทักษินส่งวีดีโอพิเศษ ขอเสียงคนเชียงรายเทคะแนนเลือกตั้ง
- (คลิป) เชียงราย อากาศหนาว นักท่องเที่ยวแห่จองห้องพักจนเต็มยาวถึงปีหน้า
- ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน รองเลขานายกฯ ยืนยัน ท่องเที่ยวปลอดภัย ไม่มีเหตุการณ์ปะทะฝั่งตรงข้ามแนวชายแดน
- แม่ฮ่องสอน แข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 72 ปีการศึกษา 2567
- ขสป.สาละวิน เคาะประตูบ้าน 10 หมู่บ้าน 40 หย่อมบ้าน ตั้งเป้าลดการเผาไหม้พื้นที่ป่า 30% ในปี 2568