วันจันทร์, 25 พฤศจิกายน 2567

ก้าวไกลเปิดเวทีปราศรัย ขอสนับสนุนคะแนนเสียงให้คนชาติพันธุ์เข้าเป็นตัวแทนพัฒนาแม่ฮ่องสอน

Social Share

ก้าวไกลเปิดเวทีปราศรัย ขอสนับสนุนคะแนนเสียงให้คนชาติพันธุ์เข้าเป็นตัวแทนพัฒนาแม่ฮ่องสอน

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ทีาวัดสันติพัฒนา หมู่ที่ 7 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน นายสะท้าน ชีววิชัยพงษ์ เบอร์ 4 ผู้สมัคร ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 2 พรรคก้าวไกล ได้เปิดเวทีปราศรัย โดยมีพี่น้องประชาชนจาก 3 อำเภอแม่ลาน้อย แม่สะเรียง และ สบเมยร่วมเวทีปราศัย และ ร่วมสะท้อนปัญหาในพื้นที่เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้สนใจเข้ามาฟังประมาณ 400 คน มีทั้งวัยรุ่น คนรุ่นใหม่และชาวบ้านในพื้นที่มาฟังอย่างคึกค โดย ผู้ร่วมปราศรัยประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาร่วมปราศรัย โดยได้เน้นย้ำว่าพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับกลุ่มชาติพันธ์ จึงได้ส่งตัวแทนของกลุ่มชาติพันธุ์เป็นตัวแทนของพรรคก้าวไกล สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ซึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมี 2 คน คือ นายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ เป็นผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 แม่ฮ่องสอน และ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล เป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 33 นอกจากนี้พรรคยังมีนโยบายพัฒาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็ก และการผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดย นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้วีดีโอคอลร่วมเวทีปราศรัยเข้ามาในงานดังกล่าวด้วย

 

หลังจากนั้น นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ได้ขึ้นปราศรัย ตอนหนึ่งได้กล่าวว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีปัญหาสำคัญคือเรื่องสิทธิในที่ดินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยประชากรจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นเกษตรกร 70% แต่เกือบทั้งหมดถือครองที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ และยังมีหมู่บ้านที่ยังไม่มีไฟฟ้าหรือถนนดีอีกมากกว่า 100 หมู่บ้าน ซึ่งปัญหาคือ ได้รับงบประมาณน้อยและมีกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้เป็นอุปสรรค ทำให้ประชาชนของแม่ฮ่องสอนไม่มีโอกาสได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ด้าน นายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 แม่ฮ่องสอน ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยได้พูดถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลงรับสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส. ว่า ที่ผ่านมาได้ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนต่อสู้เรียกร้องสิทธิในที่ดิน แม่น้ำ และป่าไม้มานาน เคยไปชุมนุมเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาลหลายต่อหลายครั้ง เคยมีการตั้งคณะทำงาน แต่ในทางปฏิบัติผู้มีอำนาจเขาไม่เคยแก้ไขปัญหาให้เราจริง ปัญหาของพี่น้องก็ยังไม่เคยได้รับการแก้ไข เมื่อกลับมาวิเคราะห์แล้ว ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง หากจะแก้ไขได้จริงจำเป็นต้องแก้ที่ต้นตอ คือกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับป่าไม้ จะต้องปลดล็อคให้หมด ดังนั้น หากได้เป็น ส.ส. สิ่งแรกๆ ที่จะเข้าไปทำคือ ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ 4 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ปาไม้ 2484 พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2560 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มสัตว์ป่า พ.ศ. 2560