ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าแม่ริม หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจมิชอบด้วยกฎหมายในการรื้อถอนที่พัก-รีสอร์ต ย้ำต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพิสูจน์สิทธิการถือครองที่ดินให้ชัดเจน
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมพบปะประชาชนที่เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว โดยพบว่าป่าแม่ริมเป็นต้นน้ำลำธารจัดอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ มีขนาดพื้นที่กว่า 13,000 ไร่ เป็นพื้นที่ที่โครงการหลวงหนองหอยขอใช้ประมาณ 2,000 ไร่ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นที่ใช้ที่ดินทำเกษตรกรรมทดแทนการปลูกฝิ่น ซึ่งมีราษฎรเข้าร่วมโครงการประมาณ 900 กว่าราย แต่ปัจจุบันได้มีการแปรสภาพกลายเป็นธุรกิจที่พัก – รีสอร์ท จำนวน 113 ราย โดยเป็นกลุ่มที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ จำนวน 82 ราย และถูกดำเนินคดีแล้ว 31 ราย เนื่องจากเข้าข่ายกระทำความผิดชัดเจน นำที่ดินไปใช้ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงหนองหอย รวมทั้งมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม เปลี่ยนมือเจ้าของ หรือขายกิจการให้นายทุนต่างชาติ
สำหรับการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกินให้ดำเนินการภายใต้หลักการพิสูจน์ว่า คนอยู่ก่อนประกาศเขตป่าหรือไม่ หากเป็นกรณีคนอยู่ก่อนประกาศเขตป่า 2507 ก็ให้ดำเนินการโดยอาศัยประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 สามารถไปเดินเรื่องออกเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินทำกินต่อไปได้ ถ้ากรณีมีการประกาศเขตป่าก่อนให้ใช้หลักการแก้ปัญหาตามสภาพข้อเท็จจริง โดยจะอาศัยการอ่านภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศและแผนที่ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบร่องรอยการทำกินว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรมาประกอบการพิจารณาสิทธิในแต่ละแปลง นอกจากนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนแม่บทบริหารจัดการพื้นที่และการอยู่ร่วมกันของชุมชนเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัย สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติโดยไม่ทำลายซึ่งกันและกัน คงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ดังเดิม อาจมีการพัฒนาในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนหรือการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน
ด้านนายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม เปิดเผยว่า ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่เข้าตรวจสอบและใช้อำนาจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่พักรีสอร์ท ซึ่งเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบจึงได้ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ดำเนินการตรวจสอบ ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ดินที่ครอบครองและใช้ประโยชน์อยู่นั้น ประชาชนในพื้นที่มีการครอบครองและใช้ประโยชน์มาก่อนที่จะมีการประกาศใช้กฎหมายที่ดินและประกาศพื้นที่ป่า อีกทั้ง การใช้ประโยชน์ด้วยการทำที่พักรีสอร์ทก็เป็นการดำเนินการในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชนหรือการท่องเที่ยวเชิงเกษตรไม่ได้เป็นการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าแต่อย่างใด จึงต้องการให้มีการพิสูจน์และตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรม กับประชาชนในพื้นที่ เพราะที่ผ่านมาชุมชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักและต้องสูญเสียประโยชน์ขาดรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
Cr. สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
เรื่องมาใหม่
- (คลิป) เชียงรายจัดโครงการ “ปั้นเยาวชนคนมืออาชีพ” เสริมทักษะอาชีพในโรงเรียน
- เชียงราย ทหารพรานรวบสาวเทอดไทยขนยาบ้า กว่า 5 แสนเม็ด
- อุทยานฯ สาละวิน เตรียมแผนตั้ง 40 จุดเฝ้าระวัง จับมือชุมชนร่วมป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า
- แม่ฮ่องสอน เปิดกิจกรรม Kick Off ร่วมใจป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง
- แม่ฮ่องสอน หารือ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง สรุป 5 แผนพัฒนาจังหวัดแม่ฮ่องสอน