วันพุธ, 4 ธันวาคม 2567

สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีฯ ปลุกไอเดียนักศึกษา ประกวดไวรัลคลิปโฆษณา

Social Share

เข้าสู่รอบสุดท้ายของการตัดสินโครงการ X Campus Ads Idea Contest 2019 เวทีที่จะมาปลุกไอเดีย นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศ ได้แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ จากประสบการณ์นอกห้องเรียน ในการประกวดทำคลิปโฆษณา ซึ่งเป็นอีกเวที ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ร่วมด้วยพันธมิตรองค์กรต่าง ๆ และมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศกว่า 63 สถาบันมาร่วมกันเปิดเวทีให้ได้แสดงฝีมือ เพื่อค้นหานักโฆษณารุ่นใหม่

นายสุภัค ลายเลิศ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ X Campus Ads Idea Contest 2019” เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ร่วมด้วย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) กระทรวงศึกษาธิการ (MOE) และ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย ตลอดจนมหาวิทยาลัยชั้นนำจากทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษา ได้แสดงออกความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเปิดประสบการณ์นอกห้องเรียน เพื่อพัฒนาได้ทักษะ และการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี ในการศึกษา เพื่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมสูงสุด ด้วยการเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ทั่วประเทศ ผลิตไวรัลคลิปโฆษณา ตามโจทย์ที่ได้กำหนดขึ้น จากหลากหลายโจทย์ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ เข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งในปีนี้ เป็นการจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และยังคงได้รับความร่วมมือเป็นจำนวนมากจากผลงานที่ส่งเข้าร่วมประกวดทั้งหมด 721 คลิป ของนิสิต นักศึกษา ทั่วประเทศกว่า 56 สถาบัน

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ ได้แก่ บริษัท คอมมี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัดบริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด, บริษัท โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไอ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน), บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) , บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นานมี จำกัด

ทั้งนี้ ทีมที่ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา 40,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลจากนายกรัฐมนตรี ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 รับทุนการศึกษา 30,000 บาท ส่วนทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 รับทุนการศึกษา 20,000 บาท และ ขณะที่รางวัลชมเชย 3 รางวัล รับทุนการศึกษา 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

โดยในรอบสุดท้ายของการตัดสิน มีผลงานที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 27 ทีม จาก 9 สถาบัน ซึ่งในรอบนี้ แต่ละทีมต้องนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาผลงานตามหลักเกณฑ์ สามารถเผยแพร่ออกสู่สาธารณะได้จริง รวมถึงตรงตามเป้าหมายของผู้สนับสนุนที่ได้ให้โจทย์ในการทำงาน คะแนนตัดสินจากคณะกรรมการจะนำมารวมกับคะแนนผลโหวต ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปชมผลงานผ่านเว็บไซต์โครงการ นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจยังสามารถชมผลงานที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศผ่าน www.x-campuscontest.com นายสุภัคกล่าวและเพิ่มเติมว่า

ทางสมาคม ฯ เชื่อว่าประโยชน์สูงสุดของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นอกเหนือจากรางวัลที่นักศึกษาที่จะได้รับก็คือประสบการณ์อันมีค่า ทั้งจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานร่วมกัน ระหว่างสถาบันต่าง ๆ และ ยังได้บ่มเพาะความรู้เชิงลึกผ่านกูรูที่มีประสบการณ์การผลิตโฆษณา และความรู้นอกตำราของผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงอุตสาหกรรมที่หลากหลายเข้ามาร่วมถ่ายทอดความรู้ให้ได้เห็นภาพรวมของธุรกิจต่าง ๆ อย่างชัดเจนเพื่อนำไปประยุกต์ ใช้ และพัฒนาความคิดสร้างสรรต่อไป”

นายภูเวียง ประคำมินทร์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “โครงการ X Campus Ads Idea Contest 2019” เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้แสดงศักยภาพทางด้านการผลิตสื่อดิจิทัล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ที่กระทรวงฯ พยายามส่งเสริมบุคลากร ให้มีทักษะ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยนำเอาไอที หรือเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มผลผลิต และเพิ่มผลงานเชิงคุณภาพก่อนออกไปทำงานจริง ซึ่งเวทีนี้เป็นการเตรียมความพร้อม และส่งเสริมทักษะในการทำงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะตอบโจทย์การทำงานในโลกอนาคต

นายบรรลือ วิศิษฎอนุพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ กล่าวว่า กิจกรรมในโครงการนี้ เป็นอีกช่องทางที่นิสิต นักศึกษา จะได้พัฒนาทักษะ และได้รับคำแนะนำจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในการทำสื่อโฆษณา

ด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การที่นักศึกษารู้จักพัฒนาตนเอง สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ก็จะยิ่งสร้างความได้เปรียบในการทำงานในอนาคต” นายบรรลือกล่าวสรุป