วันพฤหัสบดี, 26 ธันวาคม 2567

(คลิป) โควิดทำการท่องเที่ยวเสียหาย 40,000 ล้าน 18 มิ.ย.นี้ ผู้ประกอบการเชียงใหม่ รวมตัวเปิดเมืองท่องเที่ยว

Social Share

ผู้ประกอบการเชียงใหม่รวมตัวประชุมด่วน 18 มิ.ย. เตรียมทำกิจกรรมเปิดเมืองส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาโควิด-19 ทำให้เชียงใหม่เสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท

13 มิ.ย. 63 : นายพรชัย จิตนวเสถียร อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ พร้อมด้วยกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการซักรีดอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการย่านไนท์บาซาร์ ร้านสปา ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผู้ประกอบการนวดไทย ชมรมเพื่อนไกด์เชียงใหม่ ผู้บริหารโรงแรมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมกว่า 30 คน ได้ประชุมร่วมกันที่โรงแรมโรยัล เพนนินซูลา เชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดเมืองเชียงใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังจากการปลดล็อค การยกเลิกเคอร์ฟิว

ในการประชุมได้มีการพูดคุยถึงประเด็นในด้านของผลกระทบ การปิดการให้บริการชั่วคราว การวางมาตรการป้องกันที่จำกัดจำนวนคนเข้าไปใช้สถานที่ การอมรมให้ความรู้กับพนักงาน และมาตรการด้านความปลอดภัยอื่นๆ ที่จะนำมาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และจับมือกันในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอนาคต ใช้เวลาในการประชุมกว่า 3 ชั่วโมง

นายพรชัย จิตนวเสถียร อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ มีความบอบช้ำ ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้จังหวัดเชียงใหม่ ก็บอบช้ำเมื่อปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สถานการณ์หมอกควัน มาในปีนี้ ก็มาเจอทั้งหมอกควัน และยังถูกโควิด-19 ซ้ำเติม แล้วยังมีภัยแล้งเข้ามาอีก หลังจากมีการผ่อนปรน และการเดินทางได้ หลายพื้นที่ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าไปท่องเที่ยวกันแล้ว แต่จังหวัดเชียงใหม่ กลายเป็นจังหวัดที่ถูกลืม เพราะความชัดเจนที่จะเปิดเมืองนั้นยังไม่มี ซึ่งในส่วนของภาคเอกชน โดยมีสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ก็มีการพูดคุยกันว่าจะมีการจัดกิจกรรมในการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ เวลา 08.00 น. กิจการที่พร้อมจะเปิดกิจการ ก็จะนำป้ายร้าน ป้ายโรงแรม และสถานที่กิจการของตน มารวมตัวกันและแสดงตัวตนว่าจะเปิดกิจการ และจะเป็นการประกาศเชิงสัญลักษณ์ด้วย

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเชียงใหม่ มีความปลอดภัยอันดับ 1 ของโรค ซึ่งมีจุดนี้อยู่แล้ว และการยกเลิกเคอร์ฟิว ก็แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยอันดับ 1 ของโลกด้วยเช่นกัน เมื่อมีการปลดล็อกเคอร์ฟิวแล้ว หลายคนสงสัยว่ามาเชียงใหม่ต้องกักตัวหรือไม่ ซึ่งไม่ต้องกักตัว แต่ก็ยังต้องร่วมกันป้องกัน

ส่วนด้านความพร้อมในการเปิดกิจการมองไว้ 2 ด้านคือ 1.ความพร้อมด้านความปลอดภัย ซึ่งทุกหน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงตลาด ที่ผ่านมาได้เตรียมความพร้อม และการป้องกันโควิด-19 อยู่แล้ว หลายมาตรการก็ถูกนำไปใช้ระดับเทศ ดังนั้น มาตรการความปลอดภัย ยืนยันว่า จังหวัดเชียงใหมม่ปลอดภัยมาก ส่วนด้านที่ 2. ความพร้อมด้านธุรกิจ แต่การเจอปัญหาหมอกควัน ภัยแล้ง และเจอโควิด-19 ซ้ำ ซึ่งเจอวิกฤตมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และโยงมาถึงปีนี้ทำให้เกิดความบอบช้ำหนัก อย่างไรก็ตามความช่วยเหลือของภาครัฐที่เข้ามาช่วยเหลือภาคธุรกิจ ก็ทำให้ปัญหาบรรเททาลงไปบ้าง แต่ความเดือดร้อนทางธุรกิจยังคงมีอยู่

ปีที่แล้วมีรายได้จากการท่องเที่ยว 110,000 ล้านบาท ปีนี้การท่องเที่ยวเกิดผลกระทบ สูญเสียรายได้กว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะกลับมา 60 เปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. จนถึง เม.ย. เป็นช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดเชียงใหม่ แต่เจอเรื่องไวรัสโควิด-19 ทำให้สูญเสียรายได้จากช่วงไฮซีซั่นไปแล้ว ส่วนเรื่องที่รัฐบาลกำลังมองว่า จะเปิดประเทศเพื่อให้ต่างประเทศที่ปลอดโรคโควิด-19 หรือประเทศที่ปลอดภัยได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศนั้น ในจุดนี้มองว่า กระบวนการของสาธารณสุขไทยความจะเปลี่ยนไปได้แล้ว ที่ผ่านมามีแต่การนำสถิติของประเทศที่ติดเชื้อโควิด-19 สูงมาจัดอันดับ แต่ไม่เคยมีบอกว่าประเทศไทยที่ไม่ติด หรือติดแล้วปลอดภัยแล้วนำมาแจ้งต่อสาธารณชน ทำให้ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานไม่ทราบ ว่าประเทศไทยจะเดินทางเข้ามาได้ และจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร ถึงเวลาแล้วที่ต้องใช้สถิติย้อนจากแจ้งเรื่องประเทศติดโควิด ต้องกลับมาแจ้งเรื่องประเทศไม่ติดโควิดให้กับประชาชนทราบได้แล้ว เช่นเดียวกันกับจังหวัดเชียงใหม่ ที่ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดเมืองการท่องเที่ยว