วันจันทร์, 23 ธันวาคม 2567

(คลิป) ผู้ว่าฯ เชียงใหม่คุมเข้มไวรัสโควิด ออกกฎ 28 ข้อสั่งปิดร้านค้า และห้างสรรพสินค้า ฝ่าฝืนจำคุก 1 ปีปรับ 1 แสน

Social Share

เชียงใหม่ ยังคงมีผู้ติดเชื้อ 12 ราย ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ออกกฎระเบียบใหม่ 28 ข้อสั่งปิดร้านค้า สถานบริการหลายแห่งทั่วทั้งจังหวัด ป้องกันการแพร่ระบาด ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกถึง 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนหรือทั้งจำทั้งปรับ

22 มี.ค. 63 : ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ (ศ.ข.ฉ.ก.) ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ นายแพทย์ จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รวมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มในการแพร่ระบาด ทำให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการเพื่อปิดกั้นวงจรการแพร่ระบาด ป้องกันไม่ให้ประชาชนไปอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่งมากเกินความจำเป็น มากเกินไป ดังนั้น จึงมีการปรับปรุงประกาศในการปิดสถานที่บางแห่งจากเดิมฉบับที่ 1 กลายเป็นฉบับที่ 2

ในหลักการของฉบับที่ 2 จะยกเลิกหลักการฉบับที่ 1 และกำหนดพื้นที่ในการปฏิบัติการเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 เวลา 18.00 จนถึงวันที่ 13 เมษายน 2563 เวลา 24.00 น. ดังนั้น 1. สถานศึกษาทุกระดับ และสถาบันกวดวิชา 2.ปิดศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม และสถานที่จัดนิทรรศการ 3.ปิดพื้นที่บางส่วนของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือห้างร้านที่มีร้านค้าย่อย ในอาคารหรือบริเวณเดียวกัน ทั้งนี้เว้นแต่ พื้นที่ของซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา หรือสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สำนักงาน ธนาคาร สำหรับร้านอาหารให้เปิดจำหน่ายเฉพาะให้นำกลับไปบริโภคที่อื่น 4.ตลาดให้เปิดเฉพาะอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จเพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น อาหารสัตว์ ร้านขายยา และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต 5.ถนนคนเดิน 6.ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ให้เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม เพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น และร้านอาหาร เครื่องดื่มในโรงแรม ให้บริการเฉพาะผู้ที่พักอาศัยในโรงแรมเท่านั้น

7.ปิดพื้นที่นั่งหรือดื่ม รับประทานอาหาร เครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม 8.ปิดสถานบริการและสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ รวมถึงสถานที่ที่มุ่งเน้นการขาย จ่าย แลกเปลี่ยนให้สุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อดื่มกินในสถานที่ในบริเวณนั้น เช่นร้านเหล้าตอง 9.ปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ได้แก่ ร้านสปา ร้านนวดเพื่อสุขภาพ ร้านนวดเพื่อเสริมความงาม 10.ปิดสถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร เว้นแต่การรักษาพยาบาลดังกล่าวในสถานพยาบาล 11.ปิดร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม ร้านแต่งเล็บ 12.ปิดสถานที่บริการจัดผิวหนัง หรือเจาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย

13.ปิดสถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก คลินิกเสริมความงาม และสถานที่เสริมความงาม 14.ปิดสระว่ายน้ำ รวมถึงสระว่ายน้ำของหมู่บ้าน และที่พักอาศัย 15.ปิดสถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส 16.ปิดสถานที่เล่นสเก็ตหรือโรเลอร์เบส หรือการเล่นอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน 17.ปิดเครื่องเล่นในอาคาร เครื่องเล่นภายนอกอาคาร เครื่องเล่นชั่วคราว สวนสนุก รวมถึงโซนอุปกรณ์เครื่องเล่นสำหรับเด็กเล่นในห้างสรรพสินค้า 18.ปิดร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต และตู้เกม หรือสถานที่อื่นใดที่มีการให้บริการในลักษณะคล้ายกัน 20.ปิดสถานประกอบการโรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ โรงละคร 21.ปิดศูนย์พระเครื่อง พระบูชา และสนามพระเครื่องพระบูชา 22.ปิดสนามกอล์ฟหรือสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ 23.ปิดสนามยิงปืน 24.ปิดบ่อตกปลา ตกกุ้ง หรือกิจกรรมใดในประเภทเดียวกัน 25.ปิดสนามกีฬาประเภทที่มีการสัมผัสร่างกายและใช้อุปกรณ์ร่วมกัน อาทิเช่น สนามฟุตบอล ฟุตซอล 26.ปิดโต๊ะสนุ๊กเกอร์ บิลเลียด และสถานที่เล่นโบว์ลิ่ง 27.ปิดสนามมวย โรงเรียนสอนมวย ค่ายมวย โรงเรียนสอนฝึกซ้อมศิลปะป้องกันตัว 28.ปิดสนามชนไก่ ประลองไก่ สนามม้า หรือสถานที่ที่จัดให้สัตว์ต่อสู้กัน

ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมีโทษต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558

นายแพทย์วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วยในจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวน 12 ราย หายกลับบ้านแล้ว 1 ราย อยู่โรงพยาบาล 11 ราย การเฝ้าระวังผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ผู้ปวยสะสม 439 ราย กลับบ้านไปแล้ว 355 ราย อยู่ที่โรงพยาบาล 84 ราย ซึ่งนับรวมจำนวน 11 รายที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ด้วย สำหรับผู้ที่เดินทางกลับมาจากเขตโรคติดต่อ มีจำนวน 418 ราย กักตัวอยู่ที่บ้าน 153 ราย อยู่ในสถานที่กักตัวที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ จำนวน 16 ราย มีผู้ที่กักตัวครบ 14 วันแล้ว จำนวน 228 ราย และอยู่ระหว่างการติดตามตัวอีก 21 ราย

กรณีของผู้ป่วยใหม่ที่พบเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 63 จำนวน 3 ราย โดยรายแรก เป็นหญิงชาวไทย อายุ 57 ปี อาชีพเป็นเจ้าของกิจการ ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับลูกสาวและหลานชาย กลับมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 63 เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ ด้วยสายการบินไทยสมาย เที่ยวบิน WE176 มาถึงจังหวัดเชียงใหม่เวลา 23.40 น. ซึ่งก็มีการกักตัวอยู่ที่บ้านทั้งครอบครัว รายที่สอง เป็นชายชาวต่างชาติ สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ อายุ 66 ปี มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 63 และในวันที่ 19 มีนาคม 63 ก็มีอาการป่วย กรณีนี้ไม่มีผู้สัมผัสในจังหวัด เพราะผู้ป่วยรู้ตัวดี จึงให้ภรรยาขับรถไปรอแล้วเมื่อลงจากเครื่องก็ขับรถกลับเอง สำหรับผู้สัมผัสบนเครื่องบิน เดินทางกับสายการบินไทยสมายเช่นเดียวกัน เที่ยวบิน WE164 ถึงจังหวัดเชียงใหม่เวลา 16.55 น.

รายที่สาม เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 35 ปี อาชีพนวดแผนไทย อยู่ที่ร้านปิ่นแก้ว ใกล้กับท็อป ย่านถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีอาการป่วยเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 63 แล้วได้เดินทางมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลในทันที ซึ่งผู้สัมผัสก็เป็นคนในครอบครัว จำนวน 4 คน และคนที่ร้านอีก 10 คน การติดตามว่าติดมาจากไหน ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะมีกลุ่มที่ต้องติดตามอีกหลายกลุ่ม โดยผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยทั้งสามรายนี้ ขอให้กักตัวเองอยู่ที่บ้าน ยังไม่ต้องรีบเดินทางมาตรวจสารคัดหลั่งที่โรงพยาบาล จนกว่าจะมีอาการไข้ ไอ ก็ให้ติดต่อสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านได้ทันที ซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการติดตามของเจ้าหน้าที่ต่อไป