วันเสาร์, 23 พฤศจิกายน 2567

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 1 ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ขยายสนามบินเชียงใหม่ ใช้งบ 24,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารองรับผู้โดยสารพุ่ง 20 ล้านคน ในปี 2573

Social Share

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 1 ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ขยายสนามบินเชียงใหม่ ใช้งบ 24,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารองรับผู้โดยสารพุ่ง 20 ล้านคน ในปี 2573

วันที่ 26 ส.ค. 67 ที่ห้องประชุมแกรนด์นันทา บอลรูม 1 – 2 โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายสุวิชา ฉิมะพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อม บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) พร้อมด้วย น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) และนาวาอากาศโทรณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้ให้ข้อมูลกับประชาชน และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เดินทางมารับฟังข้อมูลโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ : แผนพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ครั้งที่ 1 เป็นการเผยแพร่ข้อมูลและการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รับฟังความคิดเห็นของประชาชน

นายสุวิชา ฉิมะพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อม บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า การดำเนินงานศึกษาผลกระทบในครั้งนี้ทาง ทอท. ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 1 เพื่อเผยแพร่ข้อมูลรายละเอียดโครงการขอบเขตการศึกษา การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และการดำเนินงานการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ สำหรับนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยกรอบการศึกษาของโครงการมีระยะเวลาการดำเนินงานประมาณ 9 เดือน สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2568

น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจะมีทั้งหมด 2 ครั้ง ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 จะจัดในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 แต่ก่อนที่จะจัดในครั้งต่อไปก็จะมีการจัดเวทีย่อยเข้าถึงพื้นตำบล และพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในชุมชนอีกครั้ง ซึ่งการก่อสร้างตามแผนนั้นจะเริ่มกลางปี 2568 และสิ้นสุดในปี 2573 โดยกรอบระยะเวลา 5 ปี การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม เมื่อผ่านกระบวนการจนครบทุกขั้นตอนแล้ว ก็จะนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเพื่อดำเนินการ พื้นที่การศึกษา รอบสนามบินเชียงใหม่ 5 กิโลเมตร ครอบคลุม 20 ตำบล ประกอบด้วย อำเภอเมืองเชียงใหม่ 14 ตำบล อำเภอหางดง 3 ตำบล และอำเภอสารภี 3 ตำบลส่วนด้านงบประมาณในการดำเนินการนั้น ในการสำรวจปี 2561 คาดการณ์ว่าจะใช้งบ 15,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในโครงการ ทำให้กรอบวงเงินในปัจจุบันเป็น 24,000 ล้านบาท การขยายทั้งอาคารรองรับผู้โดยสาร พื้นผิวถนน รวมถึงหลุมจอดจาก 16 หลุมจอดเป็น 31 หลุมจอด เมื่อทำการขยายเรียบร้อย ก็จะรองรับผู้โดยสารได้จำนวน 20 ล้านคน ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อลดความแออัดของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันรองรับนักท่องเที่ยวได้ 8.5 ล้านคน แต่การจัดการของสนามบินในปัจจุบันรองรับได้ 11.5 ล้านคน ขณะเดียวกันก็เป็นรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคตให้มากขึ้นได้ และจะทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เติบโตมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ทาง ทอท. ก็มีแผนในเรื่องของเงินชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบ และมีกองทุนในการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของสนามบินไว้แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้งบโดยรวมเท่าไหร่ เพราะอยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ในขณะที่หลายคนอยากทราบว่า แล้วชุมชนจะทำการค้าขายโดยรอบได้หรือไม่ เพื่อให้มีรายได้สู่ชุมชน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการพิจารณาและพูดคุยกันอีกครั้ง เนื่องจากข้อระเบียบการค้าขายที่อยู่ใกล้กับสนามบินยังค่อนข้างเข้มงวดอยู่

ด้าน นาวาอากาศโทรณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในปัจจุบันมีศักยภาพที่รองรับผู้โดยสารได้จำนวน 16 เที่ยวบินต่อวัน ถ้าเป็นช่วงท่องเที่ยวในฤดูหนาว จะมีจำนวน 190 – 200 เที่ยวบินต่อวัน จากเดิมรองรับผู้โดยสารได้ 25,000 คนต่อวัน แต่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เป็น 35,000 คนต่อวัน และจากจำนวนผู้โดยสาร 8.5 ล้านคนต่อปี เป็น 11.5 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันรองรับจำนวน 24 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เมื่อขยายอาคารรองรับผู้โดยสารแล้วระยะที่ 1 วงเงินงบประมาณราว 24,000 ล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ รวมทั้งจะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ จะเป็น 31 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ส่วนหลุมจอดจากเดิม 16 หลุมจอดก็จะเป็น 31 หลุมจอด อาคารผู้โดยสารจากเดิม 35,000 ตารางเมตรเป็นมากกว่า 100,000 ตารางเมตร ถือว่าเกือบ 3 เท่าตัว เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 20 ล้านคนต่อปี ในปี 2573 ส่วนอาคารเดิมก็จะรีโนเวท ปรับเปลี่ยนเป็นสไตล์โมเดิร์นล้านนา

สำหรับรูปแบบโครงสร้างสำหรับอาคารหลังใหม่ และการรีโนเวท ปรับอาคารหลังเดิมถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนเชียงใหม่เลย เพราะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ว่ายังรักษาความเป็นล้านนา ความเป็นเหนืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นหลังคา สถาปัตยกรรมภายในให้กลมกลืนแล้วก็เป็นโมเดิร์นไปด้วย ใน 4 ปีก็น่าจะได้เห็นความงามอาคารผู้โดยสารของเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันเส้นทางบนอากาศไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาคือที่จอดรถรองรับผู้ที่เดินทางมา และอาคารผู้โดยสารที่มีปัญหา แล้วเส้นทางที่จะเชื่อมถนนขนส่งสาธารณะ ขณะนี้ได้พูดคุยไปแล้วทุกหน่วยงาน เมื่อประตูการเดินทางของเราใหญ่ขึ้น อะไรจะเกิดบ้าง อะไรจะเชื่อมโยงบ้าง