วันจันทร์, 25 พฤศจิกายน 2567

(มีคลิป) กลางเมืองเชียงใหม่ กลุ่ม สกน. และกลุ่มชาติพันธุ์ เรียกร้องผู้นำระดับรัฐมนตรีเอเปค จะฟังเสียงประชาชน หรือจะร่วมมือรัฐไทยละเมิดสิทธิผู้คนในเขตป่า

Social Share

วันที่ 24 ส.ค. 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 The Fifth APEC Meeting of Ministers Responsible for Forestry หรือ MMRF5 ซึ่งประเทศไทย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงใหม่ ในการนี้ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังวัดเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย

การประชุม MMRF5 เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ซึ่ง 21 เขตเศรษฐกิจได้มาร่วมมือกัน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือในการต่อสู้กับการลักลอบตัดไม้และการค้าไม้ที่ผิดกฎหมาย และที่สำคัญ คือ การส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งนี้ ภาคป่าไม้มีความสำคัญอย่างมากต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ อันนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนเอเปค รุ่นของเราและรุ่นต่อไป

ในขณะที่กำลังมีการประชุม APEC 2022 อยู่นั้น ได้มีกลุ่มเครือข่ายพีมูฟ ได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 65 ทางกลุ่มพีมูฟได้ทำการยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ดำเนินการนิรโทษเกี่ยวกับผู้ที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับป่าไม้ การบุกรุกป่าไม้ และขอให้มีการจัดการด้านคืนพื้นที่ทำกินให้กับชาวบ้านที่ถูกยึดที่ดินไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการอยู่อาศัยและที่ดินทำกิน เนื่องจากได้อาศัยอยู่มานานแล้ว ต่อมาในวันนี้ได้มีการประชุมนุมเพื่อขอเข้าพบ รมว.ทส.อีกครั้ง เพื่อทวงถามความคืบหน้า โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังมาตรึงเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มพีมูฟเคลื่อนไปถึงด้านหน้าโรงแรม โดยให้อยู่บริเวณสะพานแม่ข่าก่อนถึงโรงแรมประมาณ 100 เมตร และได้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะเข้าไปให้ถึงบริเวณด้านหน้าโรงแรม และยืนยันว่าจะไม่เข้าไปในโรงแรม เพียงแต่จะส่งตัวแทนไปรับฟังความคืบหน้า แต่ทางเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะเกิดผลกระทบและภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เนื่องจากเป็นการประชุม APEC 2022 และเป็นการประชุมที่สำคัญด้านป่าไม้ ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มพีมูฟและเจ้าหน้าที่อยู่หลายครั้ง และมีการพักการปะทะเป็นระยะ พร้อมเรียกร้องให้ตัวแทนของ รมว.ทส. เดินทางมาพบเพื่อเจรจา

ต่อมาได้มี นายจงคล้าย วรพงศธร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางออกจากที่ประชุมลงมาพบ แต่ทางกลุ่มแกนนำและกลุ่มพีมูฟไม่ต้องการ พร้อมเรียกร้องให้ รมว.ทส. “วราวุธ” ลงมาพบและเจรจาด้วยตนเอง แต่สุดท้ายแล้ว รมว.ทส. ก็ได้ไม่ได้ลงมาพบ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการประชุม และเตรียมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อสรุปผลการประชุม ก่อนจะพาคณะลงพื้นที่เพื่อศึกษาดูงานที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงบ่าย ทางกลุ่มพีมูฟ หลังจากทราบแน่ชัดว่าไม่ได้พบและไม่คำตอบแน่นอน จึงได้ทำพิธีทางไสยศาสตร์ของชาวเขาที่เรียกว่า “พิธีตู้” หรือการขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิช่วยเหลือให้เรื่องที่ดำเนินการอยู่สำเร็จ และมีภาพของนายกรัฐมนตรี ประยุทธ จันทร์โอชา และ รมว.ทส. วราวุธ ศิลปอาชา มาวางเพื่อทำพิธีด้วย

โดยทาง สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้ออกหนังสือแถลงการณ์ว่า “นี่คือเสียงของพวกเรา สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ในนามเครือข่ายเกษตรกรและกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายและนโยบายด้านที่ดิน-ป่าไม้ ของรัฐบาลไทย นำโดยนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วราวุธ ศิลปอาชา”

ขณะที่พวกท่านกำลังประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ พูดคุยกันถึงนโยบายการเพิ่มพื้นที่ป่าเพื่อดูดซับคาร์บอน ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท่านรู้หรือไม่ว่าตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ พวกเราต้องถูกกดขี่มานับครั้งไม่ถ้วน รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจนั้นได้มีนโยบายทวงคืนผืนป่า กล่าวหาว่าประชาชนเป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภัยธรรมชาติ ทั้งที่พวกเราอยู่อาศัยและทำกินมาแต่บรรพบุรุษ แต่ถูกรัฐไทยประกาศเขตป่าทับซ้อนโดยไม่สนใจวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ของพวกเรา ในระยะเวลาเพียง 8 ปีให้หลังนี้ มีประชาชนต้องถูกดำเนินคดีมากกว่า 34,692 คดี ต้องเสียที่ดิน ต้องตายทั้งเป็น

ณ ขณะที่ท่านกำลังรับฟังรัฐบาลไทยแถลงนโยบายขายฝัน พวกท่านรู้หรือไม่ว่ามีพี่น้องชาติพันธุ์ต้องถูกฆาตกรรม อุ้มหาย อยู่ในอุทยานแห่งชาติที่กลายเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติไปแล้ว เพียงเพราะเขาออกมาเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินของบรรพชน ท่านรู้หรือไม่ว่ามีผู้ถูกตัดสินให้ต้องจำคุกและรื้อถอนบ้านออกจากแผ่นดินถิ่นเกิด พร้อมเรียกค่าเสียหายหลักแสนบาท กล่าวหาว่าทำให้โลกร้อนขึ้น ท่านรู้หรือไม่ว่าโครงการปลูกป่าและแผนการประกาศเขตป่าอนุรักษ์มากมายกำลังจะเกิดขึ้นโดยการอ้างความชอบธรรมเรื่องแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ในขณะที่โครงการพัฒนาของรัฐและเอกชนที่เผาผลาญพลังงานฟอสซิลและทำลายพื้นที่ป่ายังคงผุดขึ้นมาทั่วประเทศอย่างไม่เป็นธรรม

รัฐไทยกำลังใช้กฎหมายด้านทรัพยากรที่เสนอโดยหน่วยงานราชการผ่านสภาของคณะรัฐประหารที่มาจากการยึดอำนาจ โดยปิดกั้นเสียงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่เคยนำหลักสิทธิมนุษยชนและปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองมาปฏิบัติ ซ้ำร้ายรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ยังเคยเอ่ยว่าประเทศไทยไม่มีชนเผ่าพื้นเมือง

พวกเราถูกทำให้เป็น “แพะรับบาป” สังเวยนโยบายด้านที่ดิน-ป่าไม้ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาตั้งแต่บรรพบุรุษ นี่คือเสียงจากพวกเราผู้ถูกกดขี่ และท่านผู้นำทั้งหลายจากนานาประเทศจงสดับเสียงเรียกร้อง ว่าพวกเราต้องการอำนาจในการจัดการที่ดินและทรัพยากร พวกท่านต้องกดดันให้รัฐบาลไทยรับรองสิทธิของพวกเรา ให้รัฐบาลไทยปฏิรูปการจัดการป่าไม้โดยกระจายอำนาจสู่ชุมชนและท้องถิ่น รับรองสิทธิทางกฎหมายของชุมชนในการดูแลพื้นที่ป่า และยุติโครงการพัฒนาทั้งหลายที่ทำลายผืนป่าโดยทันที เช่นนี้จึงจะแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ควบคู่กับการคืนความเป็นคนให้พวกเรา

ท่านผู้นำทั้งหลาย เราขอประกาศให้ท่านทราบว่า พวกเรามีเลือดเนื้อ มีชีวิต มีจิตใจ เราคือประชาชนที่มีความเป็นคนไม่ต่างไปจากท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย เรามาเพื่อถามหาจิตสำนึก ถามหามโนธรรม มาเพื่อบอกว่ารัฐบาลไทยไม่เคยเป็นฮีโร่ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม มีแต่ประชาชนทั้งนั้นที่ช่วยกันดูแลทรัพยากร และหากท่านไม่รับฟังเสียงของพวกเรา ยังคงเชื่อคำลวงและเดินรอยตามนโยบายขายฝันของรัฐบาลไทย จงรู้ไว้เถิดว่าท่านทั้งหลาย คือผู้มีส่วนรู้เห็นในการเข่นฆ่าและละเมิดสิทธิมนุษยชนของพวกเรา