วันจันทร์, 25 พฤศจิกายน 2567

ธ.ก.ส. เปิดรับทำประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง 6 จังหวัดภาคเหนือ ปี 64 คาดว่าจะมีเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 3 พันรายเข้าร่วม

Social Share

ธ.ก.ส. เปิดรับทำประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง 6 จังหวัดภาคเหนือ ปี 64 วงเงินกู้สูงสุดในส่วนที่ขอเอาประกันภัย 5 แสนบาท คาดว่าจะมีเกษตรไม่ต่ำกว่า 3 พันรายจะเข้าร่วมโครงการ

1 ธ.ค. 63 : ที่ชุมชนสบวิน หมู่ที่ 9 ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ นางณิชา อวยพรรุ่งรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายภูมิ เกลียวศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) นางกรชปภัทร บุญเทียมทัด ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกิจประกันภัย ได้ร่วมกันแถลงข่าว ธ.ก.ส. เดินหน้าโครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ปีกำรผลิต 2564 สำหรับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัด เชียงใหม่ ลำพูน น่าน เชียงราย พะเยา และจันทบุรี​ เพื่อให้เกษตรกรได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดปัญหาภัยแล้งและเกิดความเสียหายต่อผลผลิต ช่วยสร้างทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยง และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

นางณิชา อวยพรรุ่งรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง โดยร่วมกับบริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จ ากัด (มหาชน) ตั้งแต่ปีการผลิต 2562 มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีแรกนำร่องในเขตพื้นที่ 24 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนปีที่ผ่านมาขยายพื้นที่เพิ่มอีก 2 จังหวัด ได้แก่ ลำพูนและน่าน สำหรับปีนี้​ ธ.ก.ส.​ ได้ขยายพื้นที่เพิ่มรวมทั้งสิ้น 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน น่าน เชียงราย พะเยา และจันทบุรี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการสร้างภูมิคุ้มกันและเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับโครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งที่ผ่านมามีเกษตรกรให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการฯ ปีละกว่า 1,000 ราย มีการจ่ายเงินชดเชยปีละกว่า 1 ล้านบาท คุณสมบัติผู้เอาประกันภัย ต้องเป็นลูกค้าเงินกู้ของ ธ.ก.ส. และมีพื้นที่เพาะปลูกลำไยอยู่ในเขตพื้นที่การรับประกันภัย โดยสามารถกำหนดวงเงินกู้ในส่วนที่ขอเอาประกันภัยขั้นต่ำ 10,000 บาท แต่ไม่เกินจำนวนเงินกู้เพื่อเพาะปลูกลำไย และสูงสุดไม่เกินวงเงินกู้ในส่วนที่ขอเอาประกันภัย 500,000 บาท อัตราค่าเบี้ยประกันภัย 399 บาท (รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาในการวัดปริมาณน้ำฝนหรือระยะเวลาคุ้มครอง ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 31 พฤษภาคม 2564 รวม 106 วัน

ทั้งนี้ การวัดค่าปริมาณน้ำฝนในแต่ละวันตลอดระยะเวลาประกันภัย จะอ้างอิงข้อมูลจากระบบดาวเทียม GSMaP ของ RESTEC (The Remote Sensing Technology Center of Japan) กรณีจำนวนวันที่เกิดฝนแล้งมีค่าเท่ากับค่าดัชนีฝนแล้งที่กำหนดของแต่ละอำเภอ เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยรอบแรก 900 บาท และหากเกิดฝนแล้งต่อเนื่องเกษตรกรจะได้รับค่าชดเชยเพิ่มเป็นรายวัน วันละ 80 บาท รวมเงินชดเชยสูงสุดไม่เกิน 2,100 บาทต่อ 1 หน่วยความคุ้มครอง โดย​ ธ.ก.ส. คาดว่าปีนี้จะมีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 3,000 ราย และจะเปิดรับประกันภัยในช่วงเดือนธันวาคม 2563 ถึงสิ้นเดือนมกราคม 2564 ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจสามารถขอรับการประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาในพื้นที่ 6​ จังหวัดดังกล่าว หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ Call Center 02-5550555