วันพุธ, 27 พฤศจิกายน 2567

(คลิป) รพ.นครพิงค์ ยืนยันหญิงที่เสียชีวิตจากโควิด มีญาติมาติดต่อรับศพแล้ว ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือว่าไม่มีวัดที่ใช้เผา

Social Share

รอง ผอ.รพ.นครพิงค์ ยืนยันหญิงที่เสียชีวิตจากโควิด มีญาติมาติดต่อรับศพแล้ว ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือว่าไม่มีคนมารับศพและไม่มีวัดรับเผา

15 เม.ย. 63 : ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจ จังหวัดเชียงใหม่ (ศ.ข.ฉ.ก) ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นพ.ชาญชัย พจมานวิพุธ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ 1 โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมยังคงที่ 40 ราย และเป็นวันที่ 7 แล้วที่ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น กลับบ้านไปแล้ว 23 ราย อยู่โรงพยาบาล 16 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย

กรณีที่มีข่าวออกไปตามสื่อต่างๆ ว่า หญิงวัย 65 ปีที่เสียชีวิตนั้น ไม่มีญาติมาติดต่อรับศพ และไม่มีวัดไหนรับเพื่อที่จะทำพิธี ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ปัจจุบันร่างของผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ห้องเก็บศพโรงพยาบาลนครพิงค์ และทางญาติก็รับทราบและมารับศพในวันเสาร์ ที่ 18 เม.ย. 63

แนวทางกรจัดการศพผู้ติดเชื้อ COVID-19 คือ เมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเก็บศพ โดยใส่ชุดป้องกัน PPE ตามมาตรฐาน และศพผู้ป่วยจะใส่ถุงซิปทั้งหมด 3 ชั้น ถุงพลาสติกชั้นแรก 1 ชั้น และเป็นถุงซิปกันน้ำ 2 ชั้น โดยในแต่ละชั้นจะมีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วจะไม่มีการอาบน้ำศพ รดน้ำศพ และฉีดยาศพ เมื่อบรรจุลงถุงแล้ว จะไม่มีการเปิดถุง หรือเปิดโรงศพออกมาอีก ไม่ว่าจะเป็นการทำพิธีทางศาสนาด้วยการเผา หรือการฝัง และนำเข้าตู้เก็บศพมาตรฐาน จากนั้นก็จะมอบให้ญาติไปดำเนินการตามพิธีกรรมทางศาสนาได้ เช่น การเผา หรือฝัง

 

หญิงที่เสียชีวิตนั้น เสียชีวิตด้วยโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ตรวจภูมิต้านทานแล้ว และพบว่ามีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น แต่ว่าการที่ผู้ป่วยโรคไวรัสโควิด-19 ก็อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งก็เป็นการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน ที่ผู้เสียชีวิตก็มีโรคประจำตัว โดยเริ่มแรกนั้น มีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา มีอาการป่วยหลายโรคทั้งความดัน และโรคไตระยะสุดท้าย ก็เป็นโรคที่รักษาอยู่ก่อนแล้ว หลังจากป่วยและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ แล้วมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีการพบเชื้อในวันที่ 18 มีนาคม 2563 แล้วได้ย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ตั้งแต่วันที่พบการติดเชื้อ ในช่วงแรกคนไข้มีอาการปอดบวม แล้วได้รับยาต้านไวรัสทุกชนิด ทุกขนานที่มีอยู่ แต่ระหว่างที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลก็มีปัญหาเรื่องไตวายเรื้อรัง ก็กำเริบหนักขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัดใส่สายเพื่อฟอกไต ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งอาการก็ทรงตัวอยู่ กระทั่ง 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ก็มีภาวะโรคแทรกซ้อนเพิ่มมากขึ้น มีการติดเชื้อในกระแสเลือด หลังจากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 13 เม.ย. 63 ก็เริ่มมีอาการแย่ลง แต่ที่จริงผู้ป่วยรายนี้ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจมาประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว จนถึงเวลา 19.00 น.เศษของวันที่ 13 เม.ย. 2563 ก็เสียชีวิต ที่โรงพยาบาลนครพิงค์

ขอให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องนี้ ทุกอย่างเป็นมาตรฐานไม่มีการแพร่เชื้ออีกแน่นอน ซึ่งทางโรงพยาบาลได้พูดคุยกับญาติถึงการทำพิธีทางศาสนาและการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว